วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 วิธีกินของหวานแบบไม่อ้วน

    ถึงของหวานๆ จะเย้ายวนกวนกิเลสนัก แต่ถ้าทำตามวิธีต่อไปนี้ ความหวานก็ทำอะไรคุณไม่ได้

    1. ใน 1 วันนักไดเอทไม่ควรจะกินมากกว่า 1,200 แคลอรี ถ้าของหวานของคุณมีแคลอรีสูงนัก งั้นก็เปลี่ยนมื้อเย็นให้เป็นสลัดผักที่มีแคลอรีต่ำสิ จำนวนแคลอรีที่เหลือก็เอาไว้กินของหวานให้ชุ่มปากไปเลย

    2. แทนที่จะกินของหวานมั่วไปหมด ก็พยายามเลือกให้เป็นอะไรที่ดีต่อสุขภาพ และแคลอรีไม่สูงมาก เช่น ผลไม้ราดวิปครีม หรือไอศกรีมไขมันต่ำ

    3. มีผลการวิจัยบอกว่า ถ้าอดใจไม่กินของหวานได้ติดต่อกันถึง 2 สัปดาห์ ความอยากก็จะหายไปเอง ก็ต้องขึ้นอยู่กับความอึดของสาวๆ แล้วล่ะว่าจะทนได้หรือเปล่า

    4.เอาความหวานของผลไม้มาทดแทน ถ้าทานผลไม้ให้มากขึ้น ความอยากของหวานๆ ก็จะน้อยลงไปเอง

    5. ถ้าจะกินให้ได้จริงๆ ควรจะลดปริมาณของหวานลงครึ่งหนึ่ง เช่นปกติ ทานไอศกรีม 3 ก้อนก็กินแค่ก้อนเดียว กินช็อกโกแลต 2 แท่ง ก็กินแค่แท่งเดียว

     6. ทุกวันนี้ขนมแทบทุกอย่างมีตัวตายตัวแทนเป็นของแคลอรีต่ำหมดแล้ว เช่นไอศกรีมไม่มีไขมัน ช็อกโกแลตไขมันต่ำ เค้กแบบไขมันต่ำ ถ้ากินแบบนี้ถึงไม่ต้องอดของหวานแต่ก็สกัดความอ้วนไว้ได้

    7. ใช้ความพอใจในด้านอื่นมาชดเชย เช่น ถ้าอยากกินของหวานก็ให้ดมดอกไม้หอมๆ แทน เพราะประสาทส่วนที่รับความพึงพอใจจะทำงานเหมือนๆ กัน จึงจะช่วยลดความอยากลงได้

    8. มีลูกอม น้ำ หรือ หมากฝรั่งน้ำตาลต่ำติดโต๊ะไว้ ถ้าอยากกินของหวานก็คว้าใส่ปากเคี้ยวแก้ขัดแทน
    9. จิบน้ำชาอุ่นๆ ใส่น้ำตาลเทียมครึ่งซองในระหว่างวัน จะช่วยให้รู้สึกสบายท้องและผ่อนคลายขึ้น เป็นการพบกันครึ่งทางกับความอยากที่กำลังรบกวนจิตใจอยู่ 

    10. ทำของหวานกินเอง เช่น เอาช็อกโกแลตไปต้มให้ละลายแล้วเอามาจุ่มสตรอเบอร์รี่ จากนั้นก็แช่เย็นไว้ให้ช็อกโกแลตแข็งตัว เวลาอยากของหวานก็หยิบมากินครั้งละ 2 ลูก ด้วยวิธีนี้จะได้กินของชอบสมใจแต่ปริมาณน้อยลง เพราะช็อกโกแลตที่เคลือบผิวสตรอเบอร์รี่อยู่น่ะมีนิดเดียวเท่านั้นเอง 

ลดรับประทานของหวานให้น้อยลงเพื่อสุขภาพ




ลดรับประทานของหวานให้น้อยลง
 
 
 
                ขนมหวาน น้ำอัดลม ลูกอม เหล่านี้เป็นต้น ของหวานเหล่านี้มีน้ำตาลมาก เราใช้น้ำตาลทรายขาวที่ผลิตในทางอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สารเคมีในการฟอกขาว สารเคมีจะเข้าสู่ร่างกายเรามากขึ้น ในขณะที่น้ำตาลให้ความหวานหรือกลูโคสชนิดออกฤทธิ์เร็ว ร่างกายจะรู้สึกสดชื่นโดยเร็วเมื่อกินน้ำตาลเจ้าไป แต่จะรู้สึกอ่อนเพลียตามมาได้ในระยะต่อไป ตับอ่อนต้องทำงานมากขึ้นเมื่อมีน้ำตาลในร่างกายมาก เพราะตับอ่อนจะต้องหลั่งอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อยู่เสมอ เมื่อใช้งานหนักเกินไปตับอ่อนจะอ่อนแอ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเกิดเป็นโรคเบาหวานให้เราเห็น

                ถ้าเราไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ แต่ใช้ยาในการควบคุมน้ำตาลอย่างเดียว และยังคงกินน้ำตาลต่อไป โรคจะไม่หายและตับอ่อนจะยิ่งเสียการทำงานไปมากขึ้น ต่อไปก็จะเกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ

                เราจึงควรลดน้ำตาลด้วยการไม่กินเข้าไปให้มาก แทนที่จะให้ยาไปลดน้ำตาลภายในร่างกาย เพราะฉะนั้นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม นั่นคือแนวทางธรรมชาติบำบัด